top of page
รับจดแจ้ง อย. และขอใบรับรองจาก อย.
บริการขนส่งสินค้าส่งตรงถึงลูกค้า

"น้ำปรุง" ความฉลาดของหญิงสยาม (PART II)

เมื่อพูดถึงประวัติของน้ำหอมในประเทศไทยแล้ว เรามักจะคิดว่าน้ำหอมเป็นผลผลิตจากวัฒนธรรม และอิทธิพลจากตะวันตกเพียงเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วน้ำหอมของไทยนั้นถูกคิดค้นและริเริ่มมาตั้งแต่สมัยโบราณซึ่งรู้จักกันในชื่อที่ต่างออกไปว่า "น้ำปรุง"

โรงงานทำน้ำอบ โรงงานทำน้ำปรุง โรงงานทำน้ำหอม

น้ำปรุง เป็นความฉลาดของหญิงสยามในวังที่ประยุกต์ขั้นตอนการทำน้ำหอมจากชาวฝรั่งเศษในสมัยนั้น โดยเป็นภูมิปัญญาในการเอาพรรณพืชที่มีกลิ่นหอมอาทิเช่น กุหลาบ มะลิ ใบเตยหอม ดอกจำปี ตลอดจนเครื่องเทศต่างๆ มาสกันกลิ่น และหมักทิ้งไว้ระยะเวลา 1 เดือน - 1 ปี จะได้น้ำปรุงที่มีกลิ่นหอมติดทนนานไม่แพ้น้ำหองของตะวันตก โดยน้ำปรุงนั้นเป็นที่นิยมในสาวชาววังอย่างมากในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ จนมีปรากฎสำนวนคำว่า


"หอมติดกระดาน"

การทำน้ำหอม  เทคนิคการทำน้ำหอมของคนไทยสมัยโบราณ

เนื่องจากสตรีไทยในสมัยโบราณนั้นเวลาเข้าเฝ้าเจ้านายจะยังคงนั่งอยู่บนพื้นไม้ หรือพื้นกระดาน และด้วยแต่ละตำหนักในสมัยล้นเกล้ารัชกาลที่ ๕ สตรีของแต่ละตำหนักก็จะมีกลิ่นที่ใช้กันภายในตำหนักอันเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละตำหนักไป ทำให้รู้กันภายในวังว่ากลิ่นนี้เป็นของหญิงในตำหนักใด โดยในสมัยนั้นพระตำหนักที่ขึ้นชื่อเรื่องเครื่องหอมเป็นที่สุดคือ พระตำหนักในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพวงสร้อยสอางค์ พระขนิษฐาในรัชกาลที่ ๕

วิธีการเตรียมน้ำปรุงนั้นเริ่มจากการเตรียมตัวนำกลิ่นก่อน ซึ่งเป็นกระบวนการที่แตกต่างจากการเตรียมน้ำหอมของชาวตะวันตกคือ การนำแอลกอฮอล์มาแช่กับผิวมะกรูด และใบเหนียมเสียก่อน สำหรับใบเนียมเสียก่อน สำหรับใบเนียมนั้นเป็นพืชที่มีกลิ่นเฉพาะตัว แต่ในปัจจุบันอาจมีการใช้ใบเตยแทนเพราะต้นเนียมอาจหายากขึ้นในปัจจุบัน โดยการเตรียมตัวนำกลิ่นนั้นนิยมหมักทิ้งไว้ประมาณ 1 เดือน แล้วนำมากรองจะได้ตัวนำกลิ่นที่มีสีเขียวจากธรรมชาติ และมีกลิ่นหอมของใบเนียม และผิวมะกรูด

หลังจากเตรียมตัวนำกลิ่นเรียบร้อยแล้วค่อยนำมาผสมกับน้ำมันหอมระเหยของดอกไม้ต่างๆ อาจผสมพิมเสน ชะมดเช็ด อำพันปลาวาฬ หรือสารหอมอื่นๆ ได้ โดยหลังผสมแล้วจะบ่มไว้ในที่มืดประมาณ 2 สัปดาห์ ในช่วงที่บ่มไว้ให้หมั่นเขย่า เพื่อให้น้ำปรุงมีความหอมที่กลมกล่อม โดยในปัจจุบัน "น้ำปรุง" นั้นมีความนิยมลดน้อยลงไปมากอาจจะเนื่องด้วยค่านิยมทางตะวันตกที่มีอิทธิพลต่อชาวไทย แต่ในความนิยมที่น้อยลงไปนั้นกลับทำให้ น้ำปรุง หรือน้ำหอมในแบบฉบับของชาวไทยนั้นมีคุณค่าเพิ่มมากขึ้น เพราะเป็นน้ำหอมที่มาจากธรรมชาติปราศจากสารสังเคราะห์ และมีกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ที่ชาวต่างชาติชื่นชอบ ต้องขอบคุณความฉลาดของชาวไทยสมัยก่อนส่งต่อมรดกภูมิปัญญาให้คนรุ่นใหม่เข้ามาปรับปรุงน้ำหอมที่คนไทยเรียกว่า "น้ำปรุง" นั้นให้ร่วมสมัยก่อให้เกิดรายได้ และเป็นการส่งต่อมรดกทางวัฒนธรรมให้ชาวต่างชาติได้รู้จัก ทั้งนี้ทางทีมงานได้รวบรวมแบรนด์สินค้าที่ประสบความสำเร็จมาให้ได้ชมกันตามภาพด้านล่าง

น้ำหอมแบบไทย
ผลิตน้ำปรุง
โรงงานผลิตน้ำหอม

จากข้อมูลข้างต้นที่ทางทีมงานได้บอกเล่าวิธีการเตรียมน้ำอบมานั้น จะเห็นว่าน้ำอบ และน้ำปรุงเป็นเครื่องหอม และเครื่องประทินผิวของไทยที่นอกจากจะมีกระบวนการทำอันเป็นเอกลักษณ์ และสะท้อนถึงภูมิปัญญาของไทยแต่โบราณแล้ว ส่วนประกอบของน้ำอบไทย และน้ำปรุงนั้นยังมีแต่สารจากธรรมชาติ สำหรับในส่วนความคิดเห็นของทีมงานวิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ ของบริษัท ดิอาร์ทติสแลบบอราทอรี่ จำกัดนั้น ทางทีมงานเล็งเห็นว่าภูมิปัญญาแบบไทยเช่นน้ำอบ สามารถนำมาต่อยอด หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะแบรนด์ และมีมูลค่าสูง โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มของผลิตภัณฑ์สปา (THAI SPA PRODUCTS) ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของชาวต่างชาติ ดังนั้นหากผู้ประกอบการท่านใดที่สนใจที่จะผลิตผลิตภัณฑ์ในกลุ่มของสปา ไม่ว่าจะเป็น น้ำอบ (Eau De Cologne) น้ำปรุงหรือน้ำหอม (Perfume) เทียนหอม (Aroma Candle) บอดี้สคลับ (Body Scrub) สบู่ (Soap) ครีมทามือ (Hand cream) ตลอดจนผลิตภัณฑ์อื่นๆ

ามารถติดต่อฝ่ายวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือฝ่ายขาย เพื่อขอทดลองผลิตภัณฑ์ตัวอย่าง ตลอดจนปรึกษาคอนเซ็ปท์เพื่อร่วมในการพัฒนาสินค้าได้ที่ TEL: 02-0462506 หรือผ่านช่องทาง line ตาม QR Code ด้านล่าง




Featured Posts
Recent Posts
Archive
Search By Tags
Follow Us
  • Facebook Basic Square
  • Twitter Basic Square
  • Google+ Basic Square
bottom of page